"น้ำมันมะพร้าวสารพัดประโยชน์" เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งความนิยมที่กำลังอยู่ในกระแส และยังคงมีคนพูดถึงอยู่เรื่อยๆ แต่หลายคนยังสงสัยว่า เราควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวเมื่อไหร่? และ ปริมาณเท่าไหร่ที่เหมาะสม และได้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง? วันนี้เรามีคำตอบค่ะ
น้ำมันมะพร้าว เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง ที่สามารถดูดซึมผ่านเข้าสู่เซลล์แล้วนำไปเผาผลาญเป็นพลังงานได้เลย โดยไม่ต้องอาศัย แอลคาร์นิทีน จึงถูกย่อยได้ง่าย ไม่เหลือสะสมเป็นไขมันในร่างกาย นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายในเรื่องสุขภาพและความงามอีกด้วย จึงทำให้น้ำมันมะพร้าวเป็นที่นิยม และ หันมาบริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน
ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวในด้านสุขภาพที่เด่นชัดคือ น้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น ล้างสารพิษออกจากร่างกายหรือที่เรียกว่าดีท็อกซ์ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เป็นต้น
นอกจากนี้ เรายังใช้น้ำมันมะพร้าวในด้านความงามได้อีกด้วย เพราะในน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ลดผมขาดหลุดร่วง ผมแห้งเสีย และ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นที่มาของคำว่า "น้ำมันมะพร้าวสารพัดประโยชน์"
ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวในด้านสุขภาพที่เด่นชัดคือ น้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น ล้างสารพิษออกจากร่างกายหรือที่เรียกว่าดีท็อกซ์ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เป็นต้น
นอกจากนี้ เรายังใช้น้ำมันมะพร้าวในด้านความงามได้อีกด้วย เพราะในน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ลดผมขาดหลุดร่วง ผมแห้งเสีย และ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นที่มาของคำว่า "น้ำมันมะพร้าวสารพัดประโยชน์"
เทคนิคการรับประทานน้ำมันมะพร้าว
เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างแท้จริง อ้างถึง Dr. Bruce Fife (President of The Coconut Research Center a nonprofit organization,USA) นักโภชนาการผู้มีชื่อเสียง ได้แนะนำปริมาณการรับประทานน้ำมันมะพร้าวโดยเทียบต่อน้ำหนักตัว ดังนี้
และช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับการรับประทานน้ำมันมะพร้าว คือ ในช่วงเช้า เช่นตอนตื่นนอน เพราะ เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของเราพักผ่อนอย่างเพียงพอ และต้องการสารอาหารมากที่สุด แต่ในช่วงเวลาอื่นก้สามารถรับประทานได้เช่นกัน เช่น ตอนท้องว่าง หรือ ก่อนอาหาร โดย สามารถเลือกรับประทานเพียงครั้งเดียว หรือ แบ่งปริมาณการรับประทานตามช่วงเวลาของมื้ออาหาร เช่น เช้า กลางวัน และเย็น ตามความเหมาะสมของร่างกาย
ส่วนช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำมันมะพร้าว คือ ตั้งแต่หลังหนึ่งทุ่ม (7 PM) และ ก่อนนอน เพราะน้ำมันมะพร้าว จะกระตุ้นกระบวนการเผาพลาญไขมันของร่างกาย ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเปรียบเสมือนกับการดื่มกาแฟก่อนอนได้เลย
ส่วนช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำมันมะพร้าว คือ ตั้งแต่หลังหนึ่งทุ่ม (7 PM) และ ก่อนนอน เพราะน้ำมันมะพร้าว จะกระตุ้นกระบวนการเผาพลาญไขมันของร่างกาย ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเปรียบเสมือนกับการดื่มกาแฟก่อนอนได้เลย